ถ้ามี Nutanix 1 Block 4 Node
1.IP Address ESX Host จำนวน 4 ชุด
2.IP Address Controller VM # จำนวน 4 ชุด
3.IP Address IPMI Node # จำนวน 4 ชุด
4.IP Address Notebook สำหรับเครื่องที่ทำการ Foundation
5.IP Address VM สำหรับ VM ที่ทำการ Foundation
6.Nutanix Power Cord 2 เส้น
7.DAC Cable Recommenced 3M-5M 8 เส้น 2 เส้นต่อ Node ชนิด SFP+
8.Switch 10G รองรับ SFP+
9.UTP 8 เส้น IPMI 4 เส้น 1G 4 เส้น
10.Foundation Software
11.NOS Software
12.Phoenix Software
13.Oracle VM VirtualBox
ปกติระบบของ Nutanix มันจะทำสิ่งที่เรียกว่า Replication Factor (RF) อยู่ใน Block เดียวกัน แต่เมื่อไหร่ที่มันมีมากกว่า 1 Block แล้วทำ Cluster กันมันจะมีกระบวนการ On feature block awareness ให้อัตโนมัติ เพื่อไปเก็บ ข้อมูลไว้ต่าง Block และ Nutanix license ต้องเป็น Pro
สำหรับผู้ใช้งาน VMware Workstation แล้วพบปัญหา Not enough physical memory is available to power on this virtual machine with its configured settings. ดังภาพข้างล่าง ใน Windows 8.1 เรามาดูวิธีการแก้ไขปัญหากันเลยนะครับ
1.ไป Control Panel
2.ไปที่ Programs แล้วทำการเลือก Uninstall a program
3.จากนั้นให้ไปที่ View installed updates
4.เลือก Update for Microsoft Windows (KB2995388) แล้วทำการ Uninstallation ออก แล้ว Restart ครั้งหนึ่ง
5.จากนั้นให้ไปที่ Path Local Disk (C:)–>ProgramData–>VMware–>VMware Workstation แล้วไปที่ config.ini
6.แล้วทำการคลิกขวา Edit
7.ให้ทำการเพิ่ม vmmon.disableHostParameters=”TRUE” เข้ามาอีกบรรทัดหนึ่ง แล้วทำการ Save ถ้า Save ไม่ได้ให้ไปทำการ Save ไว้ที่ Path อื่นก่อนแล้วค่อยเอากลับมาทำการทับไฟล์ config.ini นะครับ(ระวังSave เป็น .txt ไม่ได้นะครับ) แล้วทำการ Restart อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เราก็จะไม่พบ Error ดังกล่าวขึ้นมาแล้วครับ
Location-aware printing เป็นการ Config ให้ Notebook ที่เราใช้หลายพื้นที่ หลาย network กับ printer หลายตัวนั้นทำการกำหนดค่าให้เป็น default โดยอัตโนมัติเมื่อเราต้องเดินทางไปใช้ Printer ที่แตกต่าง Network ให้เป็นค่า Default ได้เหมือนเป็นการบันทึกว่าถ้าเป็น Network A ให้ทำการเลือกเครื่อง Printer A เป็นค่า Default โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปทำการคลิ๊กเอา Printer ในสถานที่นั้นๆเป็นค่า Default อีกที ขั้นตอนก็ง่ายๆดังต่อไปนี้นะครับลุยกันเลย
1.ขั้นตอนแรกให้เราไปที่ Control Panel
2.จากนั้นให้เราไปที่ Hardware and Sound
3.จากนั้นให้เราไปที่ Devices and Printers
4.เลือก Printer ก่อนนะครับ
5.จากนั้นให้ไปที่ Manage default printers
6.ติ๊กเลือก Change my default printer when I change network
7.ทำการ select network ที่เราใช้อยู่
8.จากนั้นให้เราทำการ Select Printer ที่เราใช้อยู่ใน Network นั้นๆแล้วทำการคลิ๊ก ok เพียงเท่านี้ เมื่อเราต่อ notebook เข้ากับ network ที่เราใช้อยู่ ก็จะสามารถทำการ print ออกมาได้ในทันที่โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการเลือก print ใหม่อีกรอบนะครับ
Trust Relationships ในการทำ Trust หมายความว่าอย่างไร ปกติแล้ว สมมุติว่าผมมีอยู่ 2 Domain มองว่าเป็น Domain ไม่ใช่ DC DC คือเครื่อง AD DC อยู่ภายใต้ Domain ก็คือมี Domain ชื่อ contoso,microsoft ทำธุรกิจร่วมกันอยู่ มีประเด็นว่า Microsoft ต้องการให้ contoso ไปใช้ทรัพยากรฝั่ง Microsoft ปกติทำได้ไหมครับ คำถามคือไม่ได้ครับ ไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะมันอยู่คนล่ะ Domain ชัดเจน ถ้าต้องการแบบนั้นต้องมีการทำในสิ่งที่เรียกว่าการทำ Trust Domain ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมพูดว่า contoso trust Microsoft ซึ่งตรงนี้ทำผ่านTools ชื่อว่า AD-DNS Trust ได้
ถ้าผมบอกว่า Contoso trust Microsoft ฝั่งไหนเข้าใช้งานครับ Microsoft เข้าใช้งาน Contosoได้ ปกติทุกคนน่าจะเคย logon เข้า domain ได้ถ้า trust เสร็จแล้ว มันจะมีให้เลือก logon อีก domain หนึ่งเลย แล้วเราจะไป access fileserver,ไปaccess printer อะไรก็แล้วแต่
เรากำหนดได้ว่า พอ Trust กันแล้วฝั่ง Microsoft จะทำไป access ทรัพยากรอีกฝ่ายหนึ่ง ทำไรได้บ้าง ที่นี้การ trust แบบนี้ เขาเรียกว่า one way เพราะทำไมจะต้อง trust เพราะการทำ trust นี้ต้องบอกเป็นรูปแบบของบ้างบริษัทเขาทำธุรกิจร่วมกัน และมีประเด็นคือธุรกิจร่วมกันแล้วต้องการให้อีก domain หนึ่ง user ภายใต้ domain นี้เป็นบ้างคนนะ ไป access ทรัพยากรของอีก domain หนึ่งได้
เช่น Contoso ไป access microsoft ได้ ต้องการไปดู File Server ของ Microsoft ไปดู Web App ของMicrosoft ได้ เพราะโดยตามปกติเนื่ยคนละ Domain มันจะคุยกันไม่ได้เลยติดต่อกันไม่ได้ เราทำอย่างไรล่ะ ให้มันคุยกันติดต่อกันได้ Access File Server อีกฝั่งได้ ก็คือ ต้องทำ Trust แต่ทำ Trust มันมี
Trust One Way–>Contoso Trust Microsoft–>Microsoft Access เข้าใช้ทรัพยากร Contoso ได้ แต่ Contoso ไม่สามารถใช้งานทรัพยากร Microsoft ได้
Trust Two Way–>Microsoft Trust Contoso–>Contoso ใช้งานทรัพยากร Microsoft ได้,Contoso Trust Microsoft กลับ Microsoft ก็จะสามารถใช้งานทรัพยากรContoso ได้ด้วย และมันยังมีอีกรูปแบบหนึ่งเขาเรียกว่า Transitive Trust–>Transitive คือ Trustที่สามารถทำการถ่ายทอดได้ ยกตัวอย่างเช่น มี Domain A Aทำการ Trust Domain B แล้วที่นี้เอา Domain B ไป Trust Domain C สุดท้าย Domain A จะทำการ Trust Domain C โดยอัตโนมัติคือมันถ่ายทอดได้แบบนี้เขาเรียกว่า Transitive เราจะสร้างเป็น Oneway,Twoway เราทำการ Trust ได้หมดเลย กรณีแบบนี้เกิดจากการที่สองบริษัทต้องการที่จะทำธุรกิจร่วมกัน ต้องการให้ user ฝั่งหนึ่งไปเข้าไปดูข้อมูลของอีกฝั่งหนึ่ง แต่ต้องเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมกันจริงๆนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็ทำการ Trust กันเลย ไม่ใช่ครับ เช่น Contoso มา trust กับ apple แน่นอนมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทำไมต้องมาทำ Trust กัน ถ้า Trust กันมันจะต้องมองเห็นทรัพยากรของอีกฝั่งหนึ่ง มันมีประโยชน์ในการทำธุรกิจร่วมเช่น คู่ค้าก็ต้องทำแบบนี้ล่ะหรือเป็นบริษัทลูกกับบริษัทพ่อ อย่างนี้ต้องการที่จะทำการติดต่อสื่อสารกัน เข้าถึง ทรัพยากรกัน แต่ว่าอยู่คนล่ะ Domain กันเป็นChild Domain อยู่คนล่ะ Domain ใช้ชื่อที่ทำการ share เฉยๆการจัดการแยกกันเลย ทรัพยากรคนล่ะส่วน ถ้าจะให้ติดต่อกันได้ต้องทำ Trust นี้คือการทำ Relationships ระหว่างกัน ระหว่าง Domain ส่วน Non-transitive Trust เช่น โดเมน A ทำการทรัสต์ไปยังโดเมน B และโดเมน B ทำการทรัสต์ไปยังโดเมน C ด้วย ผู้ดูแลระบบไม่สามารถสรุปได้ว่า โดเมน A ได้ทรัสต์ไปยังโดเมน C ด้วย ถ้าหากต้องการให้ A สัมพันธ์กับ C จะต้องสร้างทรัสต์จากโดเมน A ไปยังโดเมน C ด้วยเช่นกัน
Global Catalog ใช้ทำไร เก็บเป็น Partial Attribute set หนึ่ง อย่างเช่นผมต้องการค้นหาข้อมูลบน AD ตัวที่เป็น AD จะไปถามที่ Global Catalog ให้ไปถามว่าตอนนี้ object นี้ รายชื่อคนนี้ group นี้ รายชื่อคนนี้ group นี้ ou นี้มันอยู่ที่ ตำแหน่งไหนใน database เพราะว่าถ้ามันไปค้นหาเองเนี่ย ถ้าผมเปรียบเป็นชีวิตประจำวัน ถ้าเราต้องการจะไป ร้านStarbucksในห้าง ก็คือเราอาจจะถามยามว่า Starbucks อยู่ชั้นไหน มันก็จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
Global Catalog จะทำสิ่งที่เรียกว่า index เหมือนเรียงข้อมูลสารบัญว่าข้อมูลนั้นอยู่ตรงไหน
AD มาถามเจอะก็ตอบเลย จะค้นหาหรือจะคิวรีข้อมูล AD จะไปถามที่ Global Server เปรียบเหมือนการทำ index ให้ การเก็บข้อมูลที่มีเรียกใช้ข้อมูลบ่อยๆเอาไว้นี้คือ GC สามารถที่จะค้นหาจากหลายๆ Domain ได้ DC ทุกเครื่องจะมี Global Catalog กำกับอยู่ทุกเครื่องส่วนใหญ่ คือ มันจะติดตั้งไปเรียบร้อยแล้ว แต่มันสามารถเอาออกได้ แต่อย่าไปเอาออกนะครับ ถ้าเอาออก AD จะทำงานหนักมาก เพราะมันจะต้องไปค้นหาข้อมูลเอง ถามว่าค้นหาข้อมูลได้ไหม ได้นะแต่มันช้าเหมือนท่านไปเดินหาร้าน Starbucks ในห้างเองโดยที่ไม่เคยไปอ่ะ ถามว่ามันได้ไหมได้แต่มันนานมันจะช้าทำให้ database ทำงานหนักนะครับนี้คือ GC
Replication ถ้าเป็น AD ปกติ 3 เครื่องฝั่งหนึ่งไม่ได้เป็น RODC นะสร้าง User ที่ DC1 มันเลยไม่มีที่ DC2 ไป DC3 DC3 ก็กลับมาที่DC1 อีกอย่างนี้ ถ้า Replication ไปกลับได้เนี่ยจะมีการสร้าง user ที่ dc ไหนก็แล้วแต่ Replication ไปที่ Domain ทุกเครื่องเลย เขาเรียกว่า Multi Master Replication สิ่งที่มัน Replication ครับ SYSVOL กับ NTDS.dit Database โดยปกติการทำ Replication จะทำทุกๆ 15 วินาที ที่นี้การ Replication จะมีแบบ Intra site คือ Replication ภายใน คือ dc วางที่ site เดียวกันนี้คือ การทำ Replication ที่ Intra Site คือมีหลายๆเครื่องแล้ว Replication ใน site เดียวกัน มี Domain Controller อยู่ 3 เครื่องวางที่นี้กันเลย Intra Site Replication สร้าง User ฝั่งใดก็แล้วแต่ ทำตัวนี้ Replication ไปหากันหมดเลย เพราะฉะนั้นทั้ง 3 เครื่องนี้ Database มันต้องเท่ากัน ตัวไม่เท่ากันแสดงว่า มีปัญหาเรื่อง Replication จะต้องใช้ command ไป check เช่น repadmin /showrepl,dcdiag,netdiag จะเป็น Command Check ว่า DC1 Replication ไปที่ DC3 ปกติไหม หรือปกติ เราไปรันที่เครื่องหลัก เครื่องเดียวพอ แล้วมันจะช่วยเรา Check ทุกอย่างว่า Process ในการ Replication ตรงไหน Fail บ้าง เราสามารถใช้คำสั่งนี้ในการ Check ดูได้
Action Center เป็นเครื่องมือดีๆที่ค่อยแจ้งเตือนหตุการณ์ต่างๆที่เราอาจหลงลืมในการปรับปรุง ปรับแต่งเครื่องมือที่เราใช้อยู่ในทุกๆวันอย่าง Windows
1.เข้าไปที่ Control Panel นะครับ จากนั้นเลือก System and Security
2.หลังจากเข้ามาในหน้าต่าง System and Security เรียบร้อยแล้วให้เราทำการเลือก Action Center
3.จากนั้นเราก็จะเข้ามาสู่หน้าต่างของ Action Center
4.จากนั้นเราสามารถเข้าไปทำการ Change Action ได้ที่ Change Action Center settings
ซึ่งจะมีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน
1.Security messages. ส่วนนี้จะเป็นเรื่องของความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการเช่น Windows ทำการ Update หรือยังมีการ Update มาใหม่หรือไม่ ถ้ามีการ Update เพิ่มให้ทำการตรวจสอบว่ามีการ Update ของ Windows แล้วทำการแจ้งเตือน
2.Maintenance messages ส่วนนี้จะเป็นเรื่องของ Maintenance เช่น Windows มีการ Backup หรือยังถ้ายังไม่ได้ทำการ Backup ให้แจ้งเตือนเพื่อทำการ Backup Windows ด้วย
3.Related settings ส่วนสุดท้ายจะเป็นเรื่องของ Customer Experience Improvement Program settings,Problem reporting Settings,Windows Update settings ซึ่งจะเป็นส่วนที่เราสามารถวิเคราะห์ปัญหาในการใช้งานได้ดีขึ้นจากข้อมูลที่ได้ในส่วนนี้
Lifecycle ของ Desktop Deployment Lifecycle เป็นวงจรชีวิตของDesktop Deployment
1.ขั้นตอนแรกที่เราควรทำขั้นตอนแรกคือการทำ Planning ว่าเราจะทำการ Deploy กันอย่างไร ใช้ Tool อะไรในการ Deploy จำนวนเครื่องที่ต้องการที่จะทำการ Deploy ระยะเวลาที่จะทำการ Deploy Deploy ระบบปฏิบัติการอะไร จะทำการย้ายข้อมูลอย่างไร ทำการ Testing ก่อนที่จะทำการDeployจริง
2.เราอาจจะนำ Solution ในการช่วยเราในการทำการ Deploy แบบ Automated ซึ่งก็มีให้เลือกใช้อยู่,หลังจากนั้นเราอาจจะทำการ Test baseline ของ Operating system images
ทำการ Identify หรือทำการระบุปัญหา และ Correct errors เพื่อทำการแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดในการที่เราจะทำการ Deploy ซึ่งบ้างครั้งเราอาจจะได้พบปัญหาตั้งแต่การ Test
3.ถัดมาเป็นการ Deploy ขั้นตอนแรกเราจะเริ่มทำการ Implement deployment solution จากนั้นเราก็ลองดูผลของการ Deploy อยู่ว่ามัน Stable หรือ useable จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในการ Deploy ในแต่ล่ะ Phases
Computer Science 